จีนกับการเปลี่ยนแปลง


ประเทศจีนมีชื่อเป็นทางการ ว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ เรียกกันสั้นๆ ว่า "จงกั๋ว" ซึ่งแปลว่า "อาณาจักรกลาง" มีพื้นที่ทั้งหมด 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สามของโลก รองจากประเทศ รัสเซีย และแคนาดา มีเมืองหลวงชื่อ ปักกิ่ง มีประชากร ประมาณ 1,300 ล้านคน มาก เป็นอันดับหนึ่งของโลก มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 5,000 ปี เริ่มบันทึกประวัติศาสตร์ตั้งแต่ราชวงศ์เซี่ย ต่อมาตามมาด้วย ราชวงศ์ ฉิน ราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ซ่ง ราชงศ์ชิง และอื่น ๆ จนถึง ค.ศ. 1911 เป็นการสิ้นสุดราชวงศ์ ค.ศ 1912 เริ่มยุคจีนใหม่ ปกครองมาแบบสาธารณรัฐจีน และปีค.ศ. 1949 เปลี่ยนเป็นประเทศสาธารณะรัฐประชาชนจีนจนถึงปัจจุบัน

จีนมีเขตการปกครอง ส่วนกลาง 23 มณฑล เขตปกครองตนเอง 5 เขต ประกอบด้วย มองโกเลีย หนิงเซี่ย ซินเจียง กวางสี และทิเบต มีมหานครที่ขึ้นต่อส่วนกลางอีก 4 เมือง คือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน และฉงชิ่ง นอกจากนี้ยังมีอีก 2 เขตแบบบริหารพิเศษ คือ ฮ่องกง และมาเก๊า

ในสมัยโบราณ จีนมีศาสนาและลัทธิต่าง ๆ เฟื่องฟูอยู่มากมาย โดยลัทธิความเชื่อเดิม นั้นมีอยู่สองอย่างคือ ลัทธิเต๋า และลัทธิขงจื๊อ (ซึ่งมีคำสอนมาจากของเหล่าจื้อ) ซึ่งเน้นหลักจริยธรรมและคุณธรรม ส่วนพุทธศาสนานั้น จีนเพิ่งรับเข้ามาจากอินเดียในช่วงประมาณพันกว่าปีมานี้ ครั้นมาถึงยุคเปลี่ยนการปกครอง ศาสนากลับถูกว่าเป็นปฎิปักษ์ต่อลัทธิทางการเมืองโดยตรง ระยะต่อมาทางการก็ได้ยอมผ่อนปรนให้ กับการนับถือศาสนาและความเชื่อต่างๆ ของประชาชนมากขึ้นอีกครั้ง คือมี ลัทธิขงจื๊อ ลัทธิเต๋า ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์ ศาสนาต่างๆจึงได้กลับมาเฟื่องฟูขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ชาวจีน ยังเชื่อถือในเรื่อง การบูชาเทพเจ้า เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต

ส่วนฮวงจุ้ย เป็นศาสตร์แห่งการพยากรณ์ที่มีมาแต่โบราณ ใช้เพื่อดึงดูดความเจริญรุ่งเรื่อง โชคลาภและปัดเป่า เคราะห์ร้ายให้ออกไป อาจารย์ซินแสส่วนใหญ่มักมีความเชื่ยวชาญในการดูโหงวเฮ้ง และดูดวงจากวันเดือนปีเกิด และเวลาตกฟาก ตลอดจนดูแบบ 12 นักษัตร ประกอบด้วย ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก ระกา จอ กุน

ในพงศาวดารจีน ตอนที่จีนยังไม่รวมประเทศ แบ่งเป็นก๊กต่างๆ จึงมีการต่อสู้แย่งชิงดินแดนกัน ไม่ว่าจะเป็นสมัยชุนชิว เลียดก๊ก สามก๊ก และต่อมาเรื่อย ๆ สุดท้ายเมื่อประเทศก็ถูกรวมเป็นหนึ่งเดียว จีนก็ไม่ได้ขยายอาณาเขตไปแบบล่าอาณานิคมเหมือนอย่างประเทศทางตะวันตก จนกระทั่งจีนถูกล่าอาณานิคมซะเอง แต่อย่างไรก็ตามจีนในปัจจุบันก็สามารถดึงเอาเขตปกครองของต่างชาติกลับมาได้เกือบทั้งหมด

เมื่อประมาณ ๑๖๐ กว่าปีที่ผ่านมานี้เอง ตรงกับสมัยราชวงศ์ต้าชิงของแมนจู ประเทศจีนต้องทำสัญญากับประเทศในยุโรป คือประเทศอังกฤษที่กำลังขยายอาณานิคมมาทางแถบเอเชีย การรบระหว่างจีนกับอังกฤษนั้น จีนถูกอังกฤษตีได้หลายหัวเมือง แม้จีนมีเทพเจ้ามากมายก็ไม่สามรถช่วยอะไรได้ ไม่สามารถสู้เทคโนโลยี่ใหม่ ๆ ของอังกฤษ ดังนั้น จีนจึงต้องเจรจาขอสงบศึก และมีการทำสนธิสัญญา ในสัญญามีหลายข้อที่เอาเปรียบประเทศจีนมาก อาทิเช่น ต้องยกเกาะฮ่องกงให้กับประเทศอังกฤษ ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากการทำสงครามระหว่างกัน ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่ทางการจีนยึดยาฝิ่นมาทำลายทำให้ต่างชาติอ้างว่าเป็นความเสียหายทางการค้า คือเสียดุล ในข้อตกลงอื่น ๆ การเจรจาของประเทศจีนที่ขอกลับมาได้ข้อเดียวคือ ไม่ยกเกาะฮ่องกงให้เป็นเพียงการให้เช่า นอกนั้นยอมตามข้อตกลง ประเทศอื่น ๆ ในยุโรปหลายประเทศขอทำสัญญาคล้าย ๆ กัน ทำให้ดินแดนหลายส่วนของประเทศจีนถูกประเทศในยุโรปปกครอง จีนจึงเสียอำนาจการปกครองดินแดนบางส่วนไปเป็นเวลานานพอสมควร ทำไมจีนซึ่งเป็นประเทศใหญ่ต้องยอม ถ้าลองพิจารณาจะเห็นสาเหตุหลาย ๆ อย่าง คือ ยอมให้ยุโรป นำยาฝิ่นเข้ามามอมเมาคนในประเทศ อาวุธยุทโธปกรณ์ไม่ทันสมัย เทคโนโลยีที่ล้าสมัย ขุนนางที่ทุจริตเห็นแก่ประโยชน์ตนเป็นใหญ่ และร่วมมือกับชาวต่างชาติโกงกินประเทศตัวเอง แม้จีนจะสูญเสียสิทธิการปกครองในดินแดนบางส่วน แต่ต่อมาจีนก็สามารถเรียกดินแดนของตนกลับคืนมาได้

ปัจจุบันการล่าอาณานิคมแบบแย่งชิงดินแดนไม่ค่อยเกิดขึ้นแล้ว รูปแบบการล่าอาณานิคมเปลี่ยนมาเป็นแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจการค้าเป็นหลัก ฉะนั้นความรู้ที่ต้องใช้ประหัตประหารแย่งชิงจึงเปลี่ยนแปลงไปเป็นความรู้ด้านการทำมาหากิน คนในประเทศเอเชียได้ถูกส่งไปเรียนในประเทศทางตะวันตก แล้วนำความรู้กลับมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศ มีข้อสังเกต คือ ประเทศที่เรียกว่าพัฒนาแล้วอย่างประเทศทางตะวันตก อยากมีอำนาจเหนือสิทธิด้านต่าง ๆ ของประเทศที่กำลังพัฒนา พวกเขาก็มักจะใช้วิธีมอมเมาด้วยสินค้าหรือบริการที่เขาอ้างว่าทันสมัย ตัวอย่างเช่น จีนนำฝิ่นเข้ามาทำให้คนในประเทศมัวเมาอยู่กับยาเสพติด เมื่อพวกเขาชนะทางด้านการค้าเขาก็มีอำนาจต่อรองด้านอื่น ๆ ตามมา มีการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถทำลายคู่ต่อสู้ได้เร็วมีอนุภาพรุนแรง เป็นสินค้าอีกตัวหนึ

ปัจจุบัน พวกเขาพยายามทำให้เห็นว่าอบายมุขเป็นการกระทำที่ถูกต้อง เช่น การตั้งบ่อนคาสิโน (โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม) และก่อตั้งสำนักงานด้านอบายมุขขึ้นมาเพื่อมอมเมา จากนั้นก็ใช้เทคโนโลยี่ที่ทันสมัยค้นหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติมาผลิตเป็นสินค้าและบริการ สร้างอำนาจการต่อรองที่สูงกว่า หาคนที่มีอำนาจมาร่วมมือ (สมัยก่อนเรียกว่าขุนนาง อาจจะเป็นความหวังดีของขุนนางก็ได้) หรือคนที่ต้องการความมั่นคั่งเป็นตัวแทนการเจรจา เพื่อบอกว่านี่เป็นความก้าวหน้าทางด้านการค้า ความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ โดยไม่คำนึงถึงการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติอันสมบูรณ์ไป คนที่เป็นตัวแทนส่วนมากมักเป็นคนที่ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ จึงเน้นความมั่งคั่งเป็นหลักตามที่เคยเรียนมา โดยไม่ย้อนดูอดีตหรือไม่สนใจอดีต ถือความสะดวกสบายในปัจจุบันเป็นหลัก

คนที่เรียนมาก หลายคนเป็นที่ปรึกษา ตัวอย่าง สมัยยุคสามก๊ก มีที่ปรึกษาขั้นปรมาจารย์คือ ขงเบ้ง(ผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร) ตอนที่ออกมาสู่ยุทธจักร มีกำลังวังชามาก มีขุนพลให้คอยรับใช้ คือยังสดอยู่ คิดอะไรก็ทำได้สำเร็จ เข้ามายกแรกก็สามารถทำลายกองกำลังของอ้วนเสี้ยวไปถึง ๑๐ หมื่น ยกที่สองก็ทำลายกองกำลังของโจโฉไปอีก ๑๐ หมื่น ยกต่อมาก็ร่วมกับก๊กซุนกวนทำลายกองกำลังของโจโฉไปอีก ๑๐๐ หมื่น มีให้เหลือหนีไปเพียง ๓๐ คน ทำเอาโจโฉหนีหัวซุกหัวซุน (แต่โจโฉก็กลับไปมีอำนาจใหม่) เรียกได้ว่าทำอะไรก็สำเร็จ หรือดวงกำลังขึ้น แต่เหนื่อยแทบตาย ขงเบ้งเป็นทั้งที่ปรึกษาและเป็นทั้งผู้บริหารต้องลงมือทำเองด้วย ทำให้เกือบทั้งชีวิตต้องตรากตรำงานหนักมาโดยตลอด เมื่อขงเบ้งเริ่มอ่อนแรงลง ขุนพลข้างกายเริ่มหายไปทีละคน คนรุ่นใหม่ก็ทำไม่ได้ดังใจ เขาว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า ไม่มีใครอยู่ได้ตลอดไป ถึงตอนนี้ก็มีคู่ต่อสู้ที่สูสีแล้ว คือสุมาอี้ (ที่จริงถ้ามาเจอกันตอนหนุ่ม ๆ สุมาอี้สู้ไม่ได้หรอก) ตอนที่สามารถฆ่าสุมาอี้ได้ สุมาอี้ก็ไม่ตาย เวลานั้นเรี่ยวแรงต่าง ๆ ก็เริ่มหมดแล้ว ถึงกับท้อแท้ว่าสวรรค์ไม่เข้าข้าง จึงต้องทำพิธีต่ออายุ (พูดถึงถ้าพิธีกรรมทำสำเร็จก็ไม่แน่ว่าจะไม่แพ้ เพราะด้วยเหตุผลที่กล่าวมาคือขาดทั้งกำลังพล ขาดขุนพล ขาดความคิดที่แจ่มใส ร่างกายเริ่มอ่อนแอ สติปัญญาก็ลดทอนลงแต่ได้กำลังใจ) ก็ทำไม่สำเร็จ จึงพ่ายแพ้ในที่สุด ลองคิดเล่น ๆ ดู ถ้าเกิดขงเบ้งยังไม่รีบร้อนออกไปสู้รบ แต่หาทางรวบรวมกำลังพล และใช้เวลาที่กำลังรวบรวมไพร่พลอยู่ พร้อมกับเปิดโรงเรียนสอนความรู้ที่ขงเบ้งร่ำเรียนมาให้คนรุ่นใหม่ ๆ และเสาะหาคนดีมีฝีมือเข้ามา อันนี้น่าจะทำได้ ด้วยความรอบรู้ แต่ขงเบ้งไม่เลือกทางนี้ บางทีเพราะว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันตายหมดแล้วก็ได้

หากขงเบ้งมีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังวังชา ความคิดความอ่านดี สติปัญญาก็กลับมา โชคลาภก็กลับมาอาจทำให้การสู้รบพลิกเป็นชนะได้ เหมือนทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงต้องได้รับการบริหาร อดีตเป็นเหตุของปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นเหตุของอนาคต หมายถึง การ หลี่กเลี่ยง หลบเล้น ซ่อนกาย ปรากฏตัว และ ปล่อยวาง ถอยกลับ เล้นกาย รักษาตัว สรุปแล้วเหนื่อยหนักก็พักซะก่อนและค่อยเป็นค่อยไป เหมือนกับปัจจุบันสภาพทางเศรษฐกิจไม่ค่อยสดใสเลย เหมือนภาพยนตร์จีนที่มีการต่อสู้ระหว่างเทพกับมาร มักจะมีท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำทะมึน แสดงว่ามารชนะเทพ แต่เวลาหนังใกล้จบเมฆที่ดำทะมึนก็ค่อย ๆ สลายออกเพราะการต่อสู้จบลงด้วยเทพชนะมาร เหมือนคำที่ว่าธรรมะย่อมชนะอธรรมในที่สุด



#บทความทั่วไป #บทความโหราศาสตร์ #โหราศาสตร์ #ดาราศาสตร์