จากคำนำ หนังสือดารา+โหราศาสตร์และคณิตมูลฐาน
โดย อาจารย์ อารี สวัสดี

เป็นโหรไม่รู้จักดาว

ไม่รู้จักกลไกของฟ้า

จะทำให้ไม่รู้จัก กาละ เทศะ

จากปรากฏการณ์ธรรมชาติ

จะเรียกตัวเองว่าเป็นโหรได้เต็มปากคงไม่สนิทใจ

ปัจจัยของฟ้าทั้งหลายนำไปใช้กับโหราศาสตร์ได้ทั้งสิ้น ดังนั้นโหราศาสตร์มาจากดาราศาสตร์อันเป็นนามธรรมไปสู่รูปธรรม

บนฟ้าเป็นเช่นใด บนดินเป็นเช่นนั้น

วิชาดาราโหราศาสตร์ได้พัฒนาองค์ความรู้นี้มานับสิบปี เริ่มต้นที่การรู้จักการโคจรของโลก รู้จักกฏทองคำ รู้จักการวัดมุมดาว รู้จักเวลา รู้จักทิศ รู้จักดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ รู้ตำแหน่งต่างๆของฟ้า,ของดิน รู้จักตัวเอง รู้จักปรัชญาฟ้า,ปรัชญาธรรมชาติ ในที่สุดก็รู้จักตัวเอง

ตำราชุดนี้แบ่งเป็นความรู้ขั้นพื้นฐาน ภูมิศาสตร์ ดาราศาสตร์ จนกระทั่งนำไปสู่การดูดาวได้

ความจริง @ ความรู้ @ จินตนาการ

ปรากฏการณ์ @ สิ่งที่เห็น

หากไม่เข้าใจ ด้วยความรู้ไม่ถึงจินตนาการจึงเป็นเหมือนความฝันไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์อื่นๆ ได้

เอกสารชุดนี้คงมีประโยชน์บ้างที่จะนำไปศึกษาเพิ่มเติม สำหรับคณิตมูลฐานจะเป็นประโยชน์มากกับผู้ที่ต้องนำไปฝึกคำนวณ จะรู้ที่มาที่ไปของระบบ องศา ลิบดา ฟิลิปดา อย่างแท้จริง

ประโยชน์ของเอกสารชุดนี้หากพึงมี ขออุทิศให้ พ่อ แม่ ครู อาจารย์ ที่ประสิทธิประสาทให้ผู้เขียน ขอความสัมฤทธิพึงมีกับผู้ตั้งใจ ใฝ่รู้ ทั้งหลาย เทอญ


อารี สวัสดี ประธานมูลนิธิสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระสังฆราชูปถัมภ์

นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย ๔ มิถุนายน ๒๕๔๙

ดารา มาจาก “ดาว” ที่อยู่บนฟ้า เรามองเห็นอยู่ทุกวัน พอนำเข้าสู่ภาควิชาการเราเรียก “ดาราศาสตร์” เป็นวิชาที่ว่าด้วยศาสตร์แห่งดวงดาว มีทั้งดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ดาวอาทิตย์ และดวงจันทร์

เราเรียนดาราศาสตร์แบบสัมผัสและจับต้องได้ไม่ไกลเกินเอื้อม สัมผัสได้ด้วยตาและใจ ที่ผ่านการเรียนรู้ เฝ้าสังเกตการณ์ และดูปรากฏการณ์อย่างผู้มีความรู้ เข้าใจหลักของปรากฏการณ์ที่เป็นจริง

เรียนแบบจับต้องได้ไม่ไกลเกินเอื้อม ด้วยการรู้หลักกระบวนการหมุนของดาว การขึ้น-การตก จะเห็นได้เมื่อไหร่ ทิศไหน เวลาอะไร วัดมุมระยะห่างจากจอมฟ้าถึงดาว จากดาวหนึ่งถึงดาวหนึ่ง จากกลุ่มดาวฤกษ์หนึ่งถึงอีกดาวฤกษ์หนึ่ง รู้แล้วก็จับดาวใสๆใส่สมุดจดบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ เพราะดาวจะกลับมาซ้ำรอยเดิมต้องถึงวงรอบของดาว

โหราศาสตร์ เกี่ยวอะไรกับดาราศาสตร์ โหราศาสตร์เกิดจากการเฝ้าดูสังเกตการณ์ดาวบนฟ้า รวมถึงปรากฏการณ์วันแล้ววันเล่า มีการจดบันทึกจนมาเป็นวิชาดาราศาสตร์ มีความชัดเจน,แม่นยำ,สามารถคำนวณการเกิด+ปรากฏการณ์ได้ทั้งย้อนหลัง ปัจจุบัน ในอนาคต แล้วนำมาใช้พยากรณ์เหตุการณ์ที่เกิดอย่างมีนัยสำคัญ จึงเกิดมาเป็นวิชาโหราศาสตร์ ศาสตร์ที่เป็นการพยากรณ์โดยใช้ดาว มุมดาว และปรากฏการณ์

ความสำคัญของการเรียนรู้ คือ ต้องเข้าใจกลไกฟ้า ที่ว่าด้วยกฎการหมุน การขึ้นและการตกของดาว กฎทองคำ การสถาปนาฟ้า การรู้จักทิศจากกลุ่มดาวที่มองเห็นจนกระทั่งสามารถสถาปนาฟ้าเป็นผู้ชนะสิบทิศ คือ รู้ได้รอบตัว หรืออาจเรียกว่าเป็นชาวฟ้าก็ได้

การเรียนรู้ดารา+โหราได้แล้วหากนำเข้าสู่พุทธธรรมว่าอิทัปปัจจฺยตา ปฏิจจฺสมุปบาท อันเป็นกระบวนการหลักอันเกิดจากเหตุแห่งความไม่รู้จึงนำมาสู่การเวียนว่าย เปรียบเหมือนจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดเป็นจุดเดียวกัน อันเป็นวัฏฏะสงสารของการเกิดทุกชนิด ผู้ใดรู้ธรรมผู้นั้นเห็นเรา(พุทธะ)

ผู้เป็นนักโหราศาสตร์ควรรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม รู้ดิน+ฟ้า+เวลา+ดาว รู้ทุกสิ่งเป็นกฎธรรมชาติมีเป็นธรรมดาของการเกิด ไม่สามารถคงที่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงสลายไป สรรพสิ่งเป็นล้วนเกิดแต่เหตุจึงปรากฏเป็นผลหากเข้าใจกระบวนการเกิดที่แท้จริงการสามารถเห็นทางดับเหตุ หรือแก้ไขตนให้พ้นเหตุที่ไเกิดแบบซ้ำซากได้ด้วยกระบวนการรู้ฟ้ารู้ดาวรู้ธรรม สามารถรวบสรุปคำเป็นการรู้ “กาละ + เทศะ” นั่นเอง